1. อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย (ประเทศไทย)

เมืองสุโขทัยเป็นจุดเริ่มต้นของอาณาจักรไทย ที่นี่คือแหล่งรวมโบราณสถานจากยุคพ่อขุนรามคำแหง เต็มไปด้วยวัดเจดีย์ พระพุทธรูป และสถาปัตยกรรมไทยแท้ในยุคเริ่มต้น บรรยากาศสงบ ร่มรื่น เหมาะกับการปั่นจักรยานชมเมืองเก่าแบบชิลๆ

วัดมหาธาตุคือจุดที่ต้องไม่พลาด เพราะเป็นวัดใหญ่ของเมือง มีเจดีย์ดอกบัวตูมอันเป็นเอกลักษณ์ และพระพุทธรูปองค์ใหญ่นั่งอยู่ใจกลางวัด เรียกว่าแค่ยืนดูเฉยๆ ก็รู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างจากอดีตเลยทีเดียว

2. อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา (ประเทศไทย)

อยุธยา เมืองหลวงเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ทั้งเรื่องรบ การค้า และศิลปะการสร้างวัดอันงดงาม โบราณสถานที่ยังคงตั้งตระหง่านแม้เวลาจะผ่านมาหลายร้อยปี ทำให้ที่นี่กลายเป็นมรดกโลกที่น่าภูมิใจของไทยอีกแห่ง

วัดมหาธาตุที่มีเศียรพระติดอยู่ในรากไม้ถือเป็นแลนด์มาร์กที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องแวะไปถ่ายรูปให้ได้ ยิ่งถ้ามาช่วงเย็นๆ แสงส้มๆ ตกกระทบอิฐเก่า บรรยากาศจะขลังสุดๆ เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปยังยุคกรุงศรีฯ เลยล่ะ

3. นครวัด (กัมพูชา)

ถัดจากไทยไปกัมพูชา แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เจอกับหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่าง “นครวัด” หรือ Angkor Wat นี่คือวิหารหินที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังเป็นศูนย์รวมศิลปะเขมรสุดอลังที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องว้าว

สิ่งที่ทำให้ที่นี่ไม่เหมือนใครคือ ลวดลายแกะสลักที่ละเอียดสุดๆ และบรรยากาศตอนพระอาทิตย์ขึ้นที่หน้าวัด บอกเลยว่าถ้าได้มาเห็นด้วยตา จะเข้าใจคำว่าขลังของจริง เข้าใจเลยว่าทำไมคนทั่วโลกถึงอยากมาที่นี่สักครั้งในชีวิต

4. มาชูปิกชู (เปรู)

เมืองโบราณของชาวอินคาที่สร้างอยู่บนยอดเขาสูงในเทือกเขาแอนดีส ประเทศเปรู เป็นหนึ่งในมรดกโลกที่ทั้งลึกลับและน่าทึ่ง การจะไปถึงมาชูปิกชูต้องผ่านการเดินป่าหรือขึ้นรถไฟไปตามหุบเขา วิวสองข้างทางก็คือสุดจัด!

เมื่อไปถึงแล้วจะเห็นซากเมืองที่ยังคงอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เขียวขจี สวยราวกับหลุดมาจากฉากหนัง ผสมกลิ่นอายของการผจญภัย บอกเลยว่าคุ้มค่ากับทุกก้าวที่เดินขึ้นไปแน่นอน!

5. เมืองเก่าเกียวโต (ญี่ปุ่น)

ใครชอบความสงบ เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม ต้องแวะไป “เกียวโต” เมืองเก่าของญี่ปุ่น ที่ยังคงกลิ่นอายยุคเอโดะไว้แบบแทบไม่เปลี่ยน ทั้งวัด ศาลเจ้า สวนสวย และบ้านไม้แบบดั้งเดิม เดินในเมืองก็ได้บรรยากาศชิลๆ เงียบสงบ แถมบางวันยังเจอเกอิชาตัวจริงเดินผ่านด้วยนะ

ที่เที่ยวห้ามพลาดคือวัดคินคะคุจิ (วัดทอง) และฟุชิมิ อินาริ ที่มีเสาโทริอินับพันต้นเรียงกันเป็นทางเดินสุดอลังการ ใครชอบความเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์ ต้องไปเกียวโตให้ได้สักครั้ง

6. ฮาลองเบย์ (เวียดนาม)

ใครชอบธรรมชาติสวยๆ ต้องไป “ฮาลองเบย์” อ่าวที่เต็มไปด้วยภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตา โผล่พ้นน้ำทะเลสีเขียวใสเหมือนหลุดออกมาจากภาพวาด เป็นหนึ่งในจุดเช็คอินที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องมาเยือนให้ได้สักครั้ง

นั่งเรือชมอ่าวไปเรื่อยๆ แล้วดูเกาะต่างๆ โผล่ขึ้นจากน้ำแบบลึกลับ เป็นประสบการณ์ที่ชวนตื่นตาตื่นใจสุดๆ หรือจะนอนค้างคืนบนเรือสำราญ แล้วชมดาวกับพระอาทิตย์ขึ้นก็โรแมนติกมากๆ

7. ปิรามิดกิซา (อียิปต์)

มรดกโลกที่เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคเก่า “ปิรามิดกิซา” คือตัวแทนความอัจฉริยะของอารยธรรมอียิปต์โบราณที่สร้างโดยไม่ใช้เครื่องจักรอะไรเลย แต่สามารถตั้งหินหนักหลายตันได้เป๊ะเวอร์

การได้ไปยืนใกล้ๆ ปิรามิด มันรู้สึกเหมือนยืนอยู่ต่อหน้าความลับของโลกยุคโบราณ ยังมีเรื่องราวของฟาโรห์ มัมมี่ และสิ่งลึกลับอีกเพียบให้ค้นหา ใครเป็นสายประวัติศาสตร์หรือสายลี้ลับ ห้ามพลาด!

8. เปตรา (จอร์แดน)

เปตรา หรือ “นครศิลา” เป็นเมืองโบราณที่แกะสลักเข้าไปในหินทรายสีชมพูสุดงดงาม ตั้งอยู่ในหุบเขากลางทะเลทรายของจอร์แดน เดินเข้าไปทางหุบเขาแคบๆ แล้วเจอวิหาร The Treasury คือความว้าวที่ต้องเห็นด้วยตา

ที่นี่เคยเป็นฉากในหนังอินเดียน่าโจนส์ด้วยนะ บรรยากาศมันให้ฟีลผจญภัยสุดๆ ถ้าใครอยากเที่ยวแนว Unseen ที่ไม่เหมือนใคร ลองจัดเปตราไว้ใน Bucket List ได้เลย

9. ซีกัวนา (สเปน)

อันนี้สายสถาปัตย์ต้องรู้จัก “อควะดักท์แห่งซีกัวนา” เป็นสะพานส่งน้ำโบราณของโรมัน ที่ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์แบบมากๆ สร้างได้โดยไม่ใช้ปูนเลยนะ หินแต่ละก้อนก็วางแน่นเป๊ะ ทั้งที่สร้างมาเกือบ 2,000 ปี!

ตอนกลางคืนจะมีไฟประดับส่องสะพานจนสวยโรแมนติก ใครไปเที่ยวสเปนแล้วอยากสัมผัสบรรยากาศเมืองยุโรปเก่าๆ ต้องไม่พลาดซีกัวนาเลย ได้ทั้งวิว ได้ทั้งวัฒนธรรม

10. ชิเซน-อิตซา (เม็กซิโก)

หนึ่งในสถานที่โบราณของชาวมายา “ชิเซน-อิตซา” คือเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่มีพีระมิดขั้นบันไดกลางป่า ถ้าขึ้นไปยืนบนยอดแล้วพูดเสียงเบาๆ คนด้านล่างยังได้ยินเสียงสะท้อนเลยนะ

และทุกๆ ปี ในวันวิษุวัต (วันที่กลางวันยาวเท่ากลางคืน) จะมีเงาพาดลงบนพีระมิดเหมือนงูเลื้อยลงบันได! เป็นการออกแบบที่แม่นยำมากทั้งที่ยังไม่มี GPS นะจ๊ะ!